ตั้งราคารถมือสองอย่างไรให้ขายออกได้ไม่ยากและได้ราคาที่ถูกใจ

ตั้งราคารถมือสองอย่างไรให้ขายออกได้ไม่ยากและได้ราคาที่ถูกใจ

             หากเราเป็นผู้ที่ต้องการขายรถมือสองเอง อาจจะเป็นเพราะว่าไม่ค่อยได้ใช้รถ อยากได้เงินไปดาวน์รถคันใหม่ หรืออาจจะอยากได้เงินก้อนมาไว้ใช้ แน่นอนว่าฝั่งผู้ขายก็ต้องการขายรถมือสองราคายิ่งสูงได้ก็ยิ่งดี แต่ทางฝั่งผู้ซื้อก็ต้องการราคารถมือสองที่ถูกที่สุดเท่าที่จะมากได้ ดังนั้นจึงมีเกณฑ์ในการตั้งราคารถมือสองสำหรับจำหน่ายกันอยู่ เพื่อให้ได้ราคารถมือสองที่เหมาะสมเป็นที่น่าพึงพอใจทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย โดยเกณฑ์การตั้งราคารถมือสองสำหรับผู้ที่กำลังต้องการขายรถมือสอง ก็มีดังนี้

 

 

  1. เช็คราคากลางของรถรุ่นที่ต้องการจะขาย

 

            การตั้งราคารถมือสองนั้นก็จะมีราคากลางของตลาดที่กรมการขนส่งทางบกได้กำหนดหลักเกณฑ์ขึ้นมา ซึ่งทางกรมขนส่งทางบกก็จะมีการกำหนดราคารถมือสองที่มีจำหน่ายในท้องตลาดเอาไว้ทุกรุ่น ดังนั้นเราก็สามารถเข้าไปเช็คดูว่ารถรุ่นที่เราจะขายนั้นมีราคากลางอยู่ที่เท่าไหร่ จากนั้นก็ให้เข้าไปเช็คราคารถมือสองที่เว็บไซต์ซื้อขายรถมือสองอีกหลาย ๆ แห่ง รวมไปถึงการนำไปให้เต็นท์รถช่วยประเมินราคา เพื่อนำราคามาเปรียบเทียบกัน แล้วจึงค่อยกำหนดช่วงราคารถมือสองที่เราจะขายเพื่อให้ได้ราคาที่เป็นกลางและพึงพอใจมากที่สุด  

 

 

  1. เช็คประวัติการใช้รถ

 

            การตั้งราคารถมือสองก็จำเป็นที่จะต้องเช็คประวัติการใช้รถ เพื่อดูค่าความเสื่อมสภาพของรถที่เหมาะสมในการตั้งราคารถมือสองนั่นเอง ซึ่งการตรวจเช็คประวัติรถก็สามารถติดต่อเพื่อเช็คประวัติต่าง ๆ ได้กับตัวแทนประกันรถยนต์ ซึ่งสามารถตรวจเช็คประวัติการซ่อมบำรุง การจ่ายเบี้ยประกันในแต่ละเดือน อุบัติเหตุที่เกิดขึ้น รวมไปถึงตัวเลขใหม่บนหน้าปัด ซึ่งตรงนี้บริษัทประกันรถยนต์จะมีข้อมูลที่ละเอียดและครบถ้วนมาให้เรา ซึ่งสามารถนำมาใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการประเมินราคารถมือสอง และสามารถนำไปใช้แสดงให้กับผู้ซื้อเพื่อให้เห็นถึงความโปร่งใสในการซื้อขายรถมือสองได้อีกด้วย

 

 

  1. ตรวจสอบการแต่งรถรวมไปถึงอุปกรณ์ที่ติดตั้งเพิ่ม

 

ส่วนใหญ่แล้วการตกแต่งรถก็เพื่อความสวยงามโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ รวมไปถึงการแต่งรถเพื่อทำให้รถมีน้ำหนักเบาจึงช่วยประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น ในกรณีที่เราแต่งเพื่อความสวยงามตรงนี้แนะนำให้ถอดอุปกรณ์ตกแต่งออกเพื่อให้รถกลับคืนสู่สภาพเดิม ๆ ให้ได้มากที่สุด แต่ถ้าหากเป็นการปรับแต่งรถให้มีน้ำหนักเบาลง ตรงนี้ก็เป็นข้อดีเพราะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับรถได้เนื่องจากเป็นรถที่สามารถประหยัดน้ำมันได้มากกว่าปกติ แต่ถ้าหากมีการติดตั้งแก๊สเพิ่มเติมเข้ามา ตรงนี้จะทำให้ราคารถมือสองตกลงมามากกว่าราคารถมือสองปกติที่ไม่ได้ติดตั้งแก๊ส ในขณะที่การติดตั้งอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ อย่างเช่น กล้องหน้ารถ หรือเครื่องเสียง ตรงนี้ก็อาจจะใช้เป็นจุดขายเพิ่มเติมเพื่อดึงดูดให้ผู้ซื้อสนใจมากยิ่งขึ้น  

 

 

  1. ตรวจเช็คคู่มือประกอบรถ

 

            ในการตั้งราคารถมือสอง สิ่งที่ควรพิจารณาร่วมด้วยก็คือการเช็คสภาพรถว่าตรงกับที่ระบุไว้ในคู่มือที่มากับรถหรือไม่ หาจุดไหนที่ชำรุดหรือพังจำเป็นต้องซ่อมแซม ก็แนะนำให้ซ่อมแซมเพื่อให้รถสามารถใช้งานได้ตามปกติเสียก่อน สำหรับส่วนอื่น ๆ ที่อาจจะไม่จำเป็นมาก ก็ให้ตรวจเช็คว่ามีจุดไหนบ้างและดูว่าถ้าซ่อมแล้วจะคุ้มค่าหรือไม่ ถ้าซ่อมจะต้องจ่ายเงินประมาณเท่าไหร่ ซึ่งตรงนี้ก็เลือกได้ว่าจะไปซ่อมก่อนแล้วค่อยคิดรวมกับการตั้งราคารถมือสอง หรืออาจจะจดรายการเอาไว้แล้วค่อยเอาไปหักลบกับการตั้งราคารถมือสองก็ได้ แต่ทั้งนี้จะต้องอยู่บนพื้นฐานความซื่อสัตย์และโปร่งใส เพราะไม่ว่าใครก็คงไม่อยากซื้อรถมือสองที่ดูมีลับลมคมในหรือปกปิดอะไรบางส่วนเอาไว้อย่างแน่นอน 

 

 

  1. ตรวจสอบสถานะทางการเงินของรถ

 

            ในข้อนี้ก็ให้เช็คดูก่อนว่ารถมือสองที่คุณต้องการขายนั้น เป็นรถที่ยังติดไฟแนนซ์ หรือเป็นรถที่ผ่อนหมดแล้วโอนกรรมสิทธิ์มาเป็นชื่อของคุณเรียบร้อยแล้ว เพราะตรงนี้จะมีรูปแบบการขายและการตั้งราคาที่แตกต่างกัน ถ้าหากรถเป็นกรรมสิทธิ์ของคุณเอง การตั้งราคารถมือสองก็สามารถทำได้ไม่ยากเพียงแค่ตรวจสอบสภาพรถแล้วประเมินราคา รวมไปถึงการเช็คราคากลาง หรืออาจจะอยากตั้งราคารถมือสองตามที่ต้องการก็ได้ แต่ถ้าหากเป็นรถติดไฟแนนซ์ตรงนี้เจ้าของรถจะยังคงเป็นชื่อของไฟแนนซ์อยู่ ดังนั้นคุณจะต้องมีเงินก้อนไปโปะเพื่อปิดชำระยอดหนี้แล้วโอนกรรมสิทธิ์ชื่อรถมาเป็นของคุณเสียก่อน ถึงจะสามารถนำรถมือสองไปขายได้ หรืออาจจะปรึกษากับไฟแนนซ์เพื่อเปลี่ยนชื่อและโอนกรรมสิทธิ์ในการผ่อนต่อให้กับผู้ซื้อก็ได้ หรือในบางครั้งอาจตกลงให้ผู้ซื้อเป็นคนไปปิดยอดชำระแล้วค่อยจัดการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์กันต่อไป 

 

 

  1. กำหนดราคาที่ต้องการด้วยตนเอง

 

            ในส่วนนี้ก็คือกำหนดเอาไว้เลยว่าอยากขายรถมือสองที่ราคาเท่าไหร่ โดยเราอาจจะเช็คราคากลางเอาไว้เพื่อประกอบการตัดสินใจเทียบกันไปด้วย และอย่าลืมว่ารถมือสองคือรถที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว ดังนั้นก็ย่อมมีค่าเสื่อมสภาพเกิดขึ้นด้วย ยิ่งรถรุ่นเก่า ๆ ก็ยิ่งมีค่าเสื่อมสภาพมาก ซึ่งการคำนวณค่าเสื่อมราคารถยนต์ทางภาษี ก็จะเป็นการคำนวณที่ได้ตามมูลค่าจริงแต่ไม่เกิน 1 ล้านบาท โดยมีสูตรคำนวณค่าเสื่อมราคาต่อปี = (มูลค่าซื้อที่สามารถนำมาคิดได้ - มูลค่าซาก) / อายุการใช้งาน อย่างเช่นซื้อมา 1 ล้านบาท มูลค่าซากอยู่ที่ 300,000 บาท อายุการใช้งาน 5 ปี ก็จะมีค่าเสื่อมราคาต่อปีอยู่ที่ 140,000 บาท ในขณะที่การคำนวณทางบัญชีก็สามารถคำนวณได้ตามมูลค่าจริง โดยค่าเสื่อมราคาต่อปี = (มูลค่าซื้อ - มูลค่าซาก) / อายุการใช้งาน อย่างเช่นซื้อรถมา 1.5 ล้านบาท มูลค่าซาก 300,000 บาท อายุการใช้งาน 5 ปี ก็จะมีค่าเสื่อมราคาต่อปีอยู่ที่ 240,000 บาท เป็นต้น

 

โดยหลักแล้วการตั้งราคารถมือสองก็จะขึ้นอยู่กับสภาพรถว่าเป็นอย่างไร ใช้งานมานานแค่ไหน ราคากลางของตลาดเป็นอย่างไร ซึ่งก่อนจะนำรถมาขายก็แนะนำให้เจ้าของรถทำการซ่อมบำรุงเพื่อทำให้สภาพรถของคุณพร้อมสำหรับการใช้งานมากที่สุด เพราะถ้าหากว่ามีจุดตำหนิมากนั่นก็จะเป็นช่องทางที่ทำให้ผู้ซื้อสามารถต่อรองราคารถมือสองกับคุณได้ไม่ยาก ซึ่งอาจทำให้ได้ราคาขายต่ำกว่าที่ต้องการก็เป็นได้

 

กันยายน 16 2022 By Admin ราคารถมือสอง       

บทความอื่นที่น่าสนใจ