9 เรื่องต้องสังเกตของรถยนต์มือสองก่อนออกเดินทาง

9 เรื่องต้องสังเกตของรถยนต์มือสองก่อนออกเดินทาง

       ถ้าคุณกำลังใช้งานรถมือสองที่ไม่ว่าตลาดรถมือสองจะสูงหรือปานกลาง เมื่อคุณต้องใช้งานรถยนต์มือสองของคุณเพื่อออกเดินทางไปทำงาน ออกเดินทางไกล รวมไปถึงการเดินทางข้ามจังหวัด เรื่องที่คุณควรรู้คือคุณจำเป็นจะต้องสังเกตรถยนต์ของคุณในทุกๆ วันให้ดี เพราะจะช่วยทำให้คุณรู้สึกถึงความผิดปกติของรถยนต์ได้อย่างรวดเร็วและหาวิธีการแก้ไขได้โดยที่รถไม่เสียหายมากจนเกินไป ดังนั้นลองมาดู 10 เรื่องต้องสังเกตของรถยนต์มือสองก่อนที่คุณจะออกเดินทาง ดังนี้

1. สังเกตเรื่องกลิ่น

        สำหรับรถยนต์มือสองแล้ว ที่ไม่ว่าคุณจะซื้อราคารถมือสองมาถูกหรือแพง สิ่งที่จะเป็นตัวบ่งบอกได้ว่ารถกำลังจะมีปัญหาเหมือนกัน คือ เรื่องของกลิ่น ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นเครื่องยนต์, กลิ่นน้ำมันเครื่อง, กลิ่นควันที่ย้อนกลับเข้ามาในตัวรถและช่องแอร์ รวมไปถึงกลิ่นต่างๆ ที่เกี่ยวกับเครื่องยนต์ ถือว่าเป็นกลิ่นที่จะสร้างปัญหาได้มากพอสมควร เพราะนอกจากจะทำให้รู้สึกเหม็นต่อกลิ่นที่ย้อนกลับเข้ามาในรถแล้ว ยังเป็นการบ่งบอกให้รู้ว่าเครื่องยนต์กำลังมีปัญหาและอาจจะกลายมาเป็นเรื่องเครื่องยนต์ระเบิดหรือไฟลุกไหม้ในอนาคตได้อีกด้วย เรื่องของกลิ่นจากท่อไอเสียย้อนกลับเข้ามาในตัวรถก็ถือว่าอันตรายไม่น้อยเช่นกัน เพราะอาจจะทำให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารที่อยู่ภายในรถได้รับสารพิษในปริมาณที่สูงจนอาจถึงแก่ชีวิตได้ ดังนั้นถ้ามีกลิ่นไม่พึงประสงค์เหล่านี้ย้อนกลับเข้ามาสู่ตัวรถ ควรรีบนำเข้าศูนย์ซ่อมทันที เพื่อทำการตรวจสอบดูว่ามีส่วนใดของรถที่เกิดปัญหาและแก้ไขอย่างเร่งด่วน

2. สังเกตเรื่องน้ำมัน

        เรื่องของน้ำมันรถยนต์ที่จะมีสัญญาณเตือนระบุอยู่ที่มาตรวัดด้านหน้าของคนขับ เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่อาจจะทำให้คุณเกิดปัญหาในการขับขี่ได้เช่นกัน นอกจากนี้น้ำมันเครื่องและน้ำมันส่วนต่างๆ ของรถควรมีการตรวจสอบอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาน้ำมันหมดจนเกิดความเสียหายกับรถ แม้กระทั่งน้ำมันของรถยนต์ถ้าคุณปล่อยให้ตกขีดแดงบ่อยครั้งหรือปล่อยให้หมดจนเกลี้ยงถังแล้วจึงค่อยเติมใหม่ ก็อาจจะนำพาให้เครื่องยนต์เกิดความเสียหายได้เช่นกัน คุณจึงควรตรวจสอบดูให้ดีว่าน้ำมันทุกส่วนภายในรถมีปริมาณที่ลดลงมาก-น้อยแค่ไหน ถ้าอยู่ในปริมาณที่พอเหมาะแล้วควรเติมใหม่ทันที

3. สังเกตเรื่องแอร์

        เมื่อใดที่คุณขับรถแล้วเริ่มรู้สึกว่าแอร์ไม่เย็น ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์มือสองที่มีราคารถมือสองถูกหรือแพง ถ้าแอร์เริ่มไม่เย็นจะหมายถึงปัญหาเรื่องน้ำยาแอร์หมดและอาจจะลุกลามไปจนถึงขั้นเครื่องยนต์เสียหาย จึงทำให้แอร์มีปัญหาไปด้วย รวมไปถึงการต้องเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์แอร์ใหม่ที่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว

4. สังเกตเรื่องความสมดุล

ถ้าคุณเป็นผู้ที่ต้องขับรถในทุกๆ วัน เรื่องสำคัญที่คุณควรสังเกตคือความสมดุลของรถ ไม่ว่าจะด้านซ้ายหรือด้านขวาของรถต้องสมดุลกัน ถ้าวันใดรู้สึกว่ารถเอียงด้านใดด้านหนึ่งมากเกินไป มีความรู้สึกว่ารถโคลงเคลงหรือรู้สึกว่าช่วงล่างนิ่มจนทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนมากจนเกินไป นั่นอาจจะหมายความว่าลมยางอ่อนหรือโช้คอัพมีปัญหา ดังนั้นจึงควรรีบนำเข้าอู่ซ่อมเพื่อทำการตรวจสอบอีกครั้ง

5. สังเกตเรื่องของเหลว

        ของเหลวต่างๆ ที่อยู่ภายในรถ โดยเฉพาะส่วนของน้ำมันหล่อลื่นและน้ำกลั่นแบตเตอรี่ น้ำในหม้อน้ำ แม้แต่น้ำยาฉีดกระจก ควรตรวจสอบให้ดี เพราะของเหลวเหล่านี้จะเป็นตัวช่วยที่ทำให้รถสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะน้ำภายในหม้อน้ำจะเป็นตัวช่วยลดความร้อนของเครื่องยนต์ ส่วนน้ำกลั่นแบตเตอรี่จะเป็นตัวช่วยทำให้เกิดการระบายความร้อนภายในขั้วแบตเตอรี่ ดังนั้นจึงควรมีการตรวจสอบอยู่เสมอเพื่อไม่ให้น้ำเหล่านี้ลดปริมาณลงจนกลายเป็นหมดและอาจทำให้เครื่องยนต์เสียหาย แม้แต่น้ำยาฉีดล้างกระจกถ้าคุณปล่อยให้แห้งก็อาจจะก่อให้เกิดการอุดตัน จนต้องรื้อออกมาทำความสะอาดหรืออาจจะต้องเปลี่ยนใหม่เลยทีเดียว

6. สังเกตเรื่องระบบไฟฟ้า

        สำหรับระบบไฟฟ้าบนรถยนต์ถือว่ามีความสำคัญมาก เพราะจะเป็นตัวทำให้สัญญาณเตือนต่างๆ ใช้งานได้ตามปกติ ไม่ว่าจะเป็นไฟเลี้ยว, ไฟเบรก, ไฟขอทาง หรือไฟส่องสว่างหน้ารถทั้งกลางวันและกลางคืน ดังนั้นถ้าคุณใช้รถยนต์มือสองที่ไม่ว่าจะตลาดรถมือสองถูกหรือแพง คุณควรต้องตรวจสอบเรื่องระบบไฟให้ดี ถ้าเมื่อใดที่ไฟเลี้ยวหรือไฟส่วนต่างๆ เริ่มกระพริบ มีปัญหาดับหรือใช้งานได้ไม่ดีพอ ควรทำการเข้าซ่อมและเปลี่ยนหลอดไฟตรงส่วนที่ดับทันที เพื่อลดปัญหาการเกิดอุบัติเหตุในอนาคต

7. สังเกตใต้ท้องรถ

        สำหรับใต้ท้องรถ คุณควรสังเกตดูให้ดีว่ามีน้ำมันเครื่องรั่วซึมลงมาที่พื้นหรือไม่ รวมไปถึงน้ำมันเบรกและน้ำมันส่วนต่างๆ ไม่ควรรั่วไหลลงมาที่ช่วงล่างและใต้ท้องรถ รวมไปถึงการสังเกตแรงสะเทือนที่ผิดปกติ เพราะอาจจะหมายถึงเรื่องช่วงล่างมีปัญหา ดังนั้นจึงควรตรวจสอบให้ดี เพราะถ้าช่วงล่างมีปัญหาและมีการรั่วซึมของน้ำมัน เมื่อคุณต้องเดินทางไกลอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย

8. สังเกตเรื่องสัญญาณเตือน

        สำหรับสัญญาณเตือนต่างๆ ภายในรถ ถ้าเกิดติดเป็นสีแดงขึ้นมาอยู่ตลอดเวลาหรือเตือนแบบผิดปกติ จะหมายถึงเรื่องของแบตเตอรี่, ความร้อนของรถยนต์ และอาจจะรวมถึง ระบบไฟฟ้าทำงานผิดปกติ แต่ถ้าอาการหนักกว่านั้นอาจจะหมายถึงท่อน้ำมันแตก และเกิดการลัดวงจรภายในเครื่องยนต์ ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาเรื่องไฟลุกไหม้ในระหว่างการเดินทางได้

9. สังเกตเรื่องเสียง

        ถ้าในขณะที่คุณเดินทางอยู่แล้วเกิดเสียงเครื่องยนต์ที่มีความผิดปกติ หรือเป็นเสียงของอุปกรณ์ภายในรถที่กระทบกันจนเสียงดัง รวมไปถึงเสียงของเหล็กที่มีการเสียดสีกัน คุณจำเป็นที่จะต้องนำพารถยนต์มือสองที่ไม่ว่าจะราคารถมือสองถูกหรือแพงขงคุณ เข้าสู่การตรวจสอบเครื่องยนต์และส่วนต่างๆ ทันที เพราะอาจจะเป็นสัญญาณเตือนว่าช่วงล่างมีปัญหาและเครื่องยนต์ที่กำลังจะเสียหายหนักได้เช่นกัน

 

        ถ้าคุณเป็นผู้ที่ใช้รถยนต์มือสอง ไม่ว่าคุณจะใช้เป็นรถยนต์มือสองที่ราคารถมือสองถูกหรือแพง คุณควรตรวจสอบรถยนต์ของคุณอยู่เสมอ พร้อมสังเกตดูอาการผิดปกติต่างๆ ในทุกวัน เพื่อที่จะสามารถหาทางแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงทีและทำให้การใช้งานรถยนต์มือสองยาวนานมากขึ้น

ธันวาคม 28 2023 By Admin ตลาดรถมือสอง       

บทความอื่นที่น่าสนใจ