รถมือสอง ยังคงเป็นตัวเลือกของใครหลายคนที่มีแผนจะซื้อรถเอาไว้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคล หรือรถที่ใช้สำหรับการพาณิชย์ โดยมีตัวเลือกรุ่นและราคาที่หลากหลายเอาไว้รอเจ้าของคนใหม่เลือกไปขับ อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่อาจจะต้องพิจารณาก็คือเราจะรู้ได้อย่างไรว่ารถคันที่เราสนใจนั้นอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์พร้อมใช้งานมากน้อยแค่ไหน และต้องเอามาทำอะไรเพิ่มบ้าง ยิ่งกับมือใหม่ด้วยแล้วดูจะยากทีเดียว วันนี้เราเลยรวบรวมเอา 7 วิธีเลือกรถมือสอง ฉบับมือใหม่แบบเข้าใจง่ายๆ มาฝากกัน
1. ตรวจดูคร่าวๆ ด้วยสายตา
ข้อแรกที่เราเห็นได้อย่างชัดเจนก็คือสภาพของรถโดยรวมทั้งภายในและภายนอก ซึ่งเป็นข้อมูลพื้นฐานที่เราสามารถนำมาใช้เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจได้ด้วยการเทียบสภาพกับราคาว่าเหมาะสมกันหรือไม่ ซึ่งสิ่งที่เราควรตรวจสอบนั้นก็ได้แก่รอยบุบหรือรอยถลอกของตัวถังภายนอก ร่องรอยการเฉี่ยวชน รอยสนิม ทั้งนี้บางจุดนั้นแม้จะเป็นรอยเล็กๆ แต่ก็อาจจะลุกลามได้โดยเฉพาะการปริแตกของสี ส่วนภายในให้เราดูที่เบาะว่าฉีกขาดหรือไม่ ชิ้นส่วนต่างๆ ยังปกติหรือป่าว มีรอยถลอกหรือสีสันซีดจากบริเวณใดบ้าง เป็นต้น
2. ระบบไฟตามจุดต่างๆ
อีกข้อที่คนมองหา รถมือสอง ต้องใส่ใจเพราะเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้คุณใช้รถได้อย่างปลอดภัยทั้งตัวเองและเพื่อนร่วมทางนั่นก็คือระบบไฟตามจุดต่างๆ ที่ใช้สำหรับการแจ้งเตือนการเลี้ยว การเบรก ไฟส่องสว่าง หรือไฟฉุกเฉิน รวมถึงระบบไฟที่ใช้ควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ เช่น เครื่องเสียง กระจกไฟฟ้า ที่ปัดน้ำฝน ที่ฉีดกระจก โดยควรทดสอบเปิดปิดระบบไฟดังกล่าวทีละจุดจนแน่ใจว่าใช้งานได้ปกติ หรือหากมีปัญหาในการใช้งานก็ต้องคุยกับผู้ขายว่าจะซ่อมให้ก่อนออกรถหรือไม่หรือให้หักจากราคารถเพื่อเป็นค่าซ่อมแซม
3. ระบบปรับอากาศภายในรถ
คงไม่ดีแน่หากต้องขับรถที่มีสภาพเหมือนเตาอบเคลื่อนที่ไปบนท้องถนนเมืองไทย โดยเฉพาะหากเป็นเมืองที่การจราจรหนาแน่น เพราะคุณจะโดนสูบพลังงานและทำให้อารมณ์หงุดหงิดไปทั้งวันจนไม่เป็นอันทำอะไร ซึ่งการตรวจสอบแอร์ในรถยนต์นั้นนอกจากเรื่องของความเย็นแล้วแนะนำว่าควรดูที่ความสะอาดของแอร์ด้วย สังเกตง่ายๆ ว่ามีกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมากับช่องแอร์หรือไม่ รวมถึงตัวปรับทิศทางยังใช้งานได้ปกติไหม ทั้งนี้ควรเปิดแอร์ทิ้งไว้อย่างน้อย 5-10 นาที เพื่อดูการทำงาน และถ้าเป็นไปได้ควรเลือกรถที่มีการติดตั้งฟิล์มกรองแสงมาให้เรียบร้อยจะดีมาก
4. เครื่องเสียงและระบบความบันเทิง
ไม่ว่าจะเป็นรถมือหนึ่งป้ายแดงหรือว่า รถมือสอง เครื่องเสียงและความบันเทิงก็ถือเป็นสิ่งจำเป็นที่จะมาช่วยให้การเดินทางของคุณไม่น่าเบื่อจนเกินไป ในส่วนที่ว่าเพราะหรือไม่เพราะอย่างไรนั้นอาจจะต้องวัดกันจากความชื่นชอบส่วนตัวเป็นหลัก แต่สิ่งที่ต้องตรวจสอบก็คือลำโพงดังทุกจุดหรือไม่ มีเสียงแตกที่จุดใดหรือป่าว และในยุคนี้ก็ควรต้องมีระบบการเชื่อมต่อแบบไร้สายมาให้ใช้งาน รวมถึงหน้าจอแบบสัมผัสเพื่อควบคุมความบันเทิงและการติดต่อสื่อสาร หากไม่มีก็ต้องพิจารณาราคาว่าควรถูกลงอีก
5. ล้อและยางควรอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์
อีกเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามเป็นอันขาดก็คือความสมบูรณ์ของล้อและยางรถยนต์คันที่เราสนใจ เพราะจะส่งผลต่อการขับขี่และความปลอดภัย โดยสิ่งที่เราสามารถตรวจสอบได้ในเบื้องต้นด้วยตัวเองก็คือสภาพของยางที่ควรมีดอกยางค่อนข้างสมบูรณ์ไม่ใช่ยางแบบโล้น ไม่มีรอยฉีกขาดของส่วนใดส่วนหนึ่ง และควรตรวจดูให้ครบทั้ง 4 เส้น รวมถึงดูว่ามียางอะไหล่ใส่มาให้ด้วยหรือไม่ ส่วนตัวล้อไม่ควรมีรอยแตกหรือคดงอเนื่องจากอาจมีการเฉี่ยวชนมาก่อนหน้านี้ และส่งผลต่อการใช้งานของเราในอนาคต
6. ทดลองขับเพื่อความแน่ใจ
ไม่ลองก็ไม่รู้ว่ารถมือสองที่เรากำลังจะเสียเงินซื้อมาขับนั้นจะถูกใจเรามากน้อยแค่ไหนรวมถึงยังช่วยให้เรารู้ข้อเสียหรือตำหนิของรถได้เพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งสิ่งที่เราควรสังเกตระหว่างการทดลองขับก็คือเมื่อขับไปแล้วเครื่องปรับอากาศยังทำงานได้ปกติหรือไม่ มีลมหรือกลิ่นเข้ามาในรถมากน้อยแค่ไหน ระบบเบรกของรถทำงานได้ปกติในระยะที่เหมาะสมหรือตรงกับจริตในการขับขี่ของเราหรือป่าวเนื่องจากรูปแบบการขับขี่ของแต่ละคนก็จะแตกต่างกันออกไป นอกจากนี้ยังมีเรื่องของจุดศูนย์ถ่วงที่ต้องดูว่าพวงมาลัยกินไปทางใดทางหนึ่งหรือไม่ ที่สำคัญก็คือความรู้สึกในการขับขี่ที่ว่ากันว่าใช่ไม่ใช่ก็ตอนได้ลองขับนี่ล่ะ
7. อย่าลืมตรวจสอบเอกสาร
เมื่อเราตรวจสอบจนมั่นใจแล้วว่ารถคันนี้แหละใช่เลยที่จะมาเป็นเพื่อนร่วมทางของเราเรื่องสุดท้ายที่เราจะต้องตรวจสอบก็คือเอกสารเกี่ยวกับรถรวมถึงผู้ขายว่าครบถ้วนและถูกต้องหรือไม่ โดยประกอบไปด้วยคู่มือการจดทะเบียนและการโอนกรรมสิทธิ์ ข้อมูลการแจ้งดัดแปลงรถ(ถ้ามี) หมายเลขตัวถังตรงกับคู่มือรถหรือไม่ เอกสารของผู้ขาย ประกันภัยต่างๆ ยังครอบคลุมหรือป่าว การตรวจดูให้แน่ใจจะช่วยให้เราใช้รถได้อย่างสบายใจและถูกต้องตามกฎหมายด้วย
นี่เป็นเพียงวิธีการเบื้องต้นในการเลือกรถมือสองเท่านั้น ยังมีอีกหลายส่วนที่อาจต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในการช่วยตรวจสอบเช่นเรื่องของเครื่องยนต์ และระบบไฟฟ้า รวมถึงความสมบูรณ์ของชิ้นส่วนต่างๆ โดยยิ่งเราตรวจสอบละเอียดมากขึ้นเท่าไหร่ก็จะยิ่งได้รถดีและคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งก็จะช่วยให้เราใช้งานรถคันที่จะซื้อได้อย่างสบายใจด้วยนั่นเอง
