ผลกระทบของรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์มือสองในยุคเปลี่ยนผ่านสู่รถไฟฟ้า

ผลกระทบของรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์มือสองในยุคเปลี่ยนผ่านสู่รถไฟฟ้า

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ภูมิทัศน์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเข้ามาของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ส่งผลต่อทุกกลุ่มของตลาดรถยนต์ รวมไปถึงกลุ่มรถยนต์ ฟอร์จูนเนอร์มือสอง ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการรถ SUV ที่ทนทาน แข็งแรง และใช้งานได้หลากหลาย

แต่เมื่อกระแสความนิยมในรถยนต์ไฟฟ้าเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างชัดเจนในสังคมไทย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคเมืองใหญ่ที่ให้ความสำคัญกับพลังงานสะอาดและค่าใช้จ่ายที่ลดลงในระยะยาว รถยนต์ฟอร์จูนเนอร์มือสองจึงเริ่มเข้าสู่ช่วงเวลาที่ต้องปรับตัว และอาจเผชิญกับแรงกดดันจากตลาดมากกว่าที่เคย

ความนิยมที่ยังไม่จางหายของฟอร์จูนเนอร์มือสอง

แม้รถยนต์ไฟฟ้าจะเริ่มเป็นกระแสหลัก แต่ความนิยมใน ฟอร์จูนเนอร์มือสอง ยังไม่หายไปในทันที ด้วยจุดแข็งในด้านสมรรถนะการขับขี่ที่เหมาะกับสภาพถนนในต่างจังหวัด ความสามารถในการบรรทุก และการซ่อมบำรุงที่ไม่ยุ่งยาก ฟอร์จูนเนอร์ยังคงเป็นรถ SUV ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานจำนวนมาก โดยเฉพาะในภาคเกษตรกรรม การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ และการใช้งานในพื้นที่ห่างไกล

ยิ่งไปกว่านั้น รุ่นปีเก่าของฟอร์จูนเนอร์ยังสามารถเข้าถึงได้ในราคาที่สมเหตุสมผล เมื่อเทียบกับรถใหม่หรือรถไฟฟ้ารุ่นล่าสุด ซึ่งยังมีราคาค่อนข้างสูงสำหรับประชาชนทั่วไป

ผลกระทบเชิงโครงสร้างของตลาด

แต่หากพิจารณาในเชิงโครงสร้างตลาด การเปลี่ยนแปลงกำลังเกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป ความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สถานีชาร์จไฟฟ้า เริ่มแพร่หลายขึ้นในเมืองใหญ่ การส่งเสริมจากภาครัฐผ่านนโยบายลดภาษีและเงินอุดหนุนการซื้อรถ EV ทำให้ผู้บริโภคเริ่มพิจารณารถไฟฟ้าอย่างจริงจังมากขึ้น

ในแง่นี้ ตลาด ฟอร์จูนเนอร์มือสอง จึงเริ่มชะลอตัว โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ซื้อหน้าใหม่ที่เริ่มเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายในระยะยาว และเลือกใช้เทคโนโลยีใหม่ที่ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการเต็นท์รถมือสองก็เริ่มรู้สึกถึงแรงกดดัน เพราะราคาขายต่อของฟอร์จูนเนอร์เริ่มนิ่ง หรือบางรุ่นอาจตกลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลในช่วงก่อนปี 2020

ความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมและภาพลักษณ์

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือแนวโน้มของสังคมที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ในยุคที่มลพิษทางอากาศกลายเป็นประเด็นสำคัญ การใช้รถเครื่องยนต์สันดาปภายในจึงเริ่มถูกมองว่าเป็น "ของเก่า" ที่อาจขัดต่อกระแสหลัก แม้ ฟอร์จูนเนอร์มือสอง จะมีข้อดีด้านความทนทาน แต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงภาพลักษณ์ของการปล่อยมลพิษได้

ในบางเมืองใหญ่ของประเทศ อาทิ กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ หรือขอนแก่น รัฐบาลท้องถิ่นเริ่มมีแนวคิดจำกัดการใช้งานรถที่ปล่อยมลพิษสูงในพื้นที่เขตเมือง และมีการสนับสนุนให้ใช้รถไฟฟ้าแทน การเปลี่ยนผ่านนี้อาจไม่ส่งผลในทันที แต่ส่งสัญญาณให้เห็นว่าอนาคตของรถเครื่องยนต์ดีเซลกำลังถูกท้าทายอย่างหนัก

อนาคตของฟอร์จูนเนอร์มือสอง: ปรับตัวหรือถดถอย

แม้กระแส EV จะรุนแรงขึ้นทุกวัน แต่ไม่ได้หมายความว่า ฟอร์จูนเนอร์มือสอง จะหมดอนาคต ตรงกันข้าม ฟอร์จูนเนอร์ยังมีศักยภาพในตลาดเฉพาะกลุ่ม เช่น กลุ่มธุรกิจให้เช่ารถในพื้นที่ท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ การใช้ในกองถ่ายทำภาพยนตร์ หรือกลุ่มผู้ประกอบการที่ต้องการรถบรรทุกขนาดเล็กที่เชื่อถือได้ในพื้นที่ชนบท

นอกจากนี้ หากผู้ขายหรือผู้ประกอบการสามารถปรับกลยุทธ์ เช่น การรับประกันการใช้งาน การตกแต่งรถเพิ่มเติม หรือการแปลงเป็นระบบไฮบริดโดยอาศัยช่างเฉพาะทาง อาจทำให้ตลาด ฟอร์จูนเนอร์มือสอง ยังคงมีที่ยืนอยู่ได้ในระยะกลาง

บทสรุป: ความเปลี่ยนแปลงที่ต้องยอมรับและเข้าใจ

รถยนต์ฟอร์จูนเนอร์มือสองกำลังเผชิญกับช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญในประวัติศาสตร์ของตลาดยานยนต์ไทย จากเดิมที่เคยเป็นตัวเลือกยอดนิยม กลับกลายเป็นตัวเลือกที่ถูกตั้งคำถามมากขึ้นในยุคที่รถไฟฟ้ากำลังเป็นกระแสหลัก แม้ข้อดีของฟอร์จูนเนอร์ยังมีอยู่ไม่น้อย แต่ก็ต้องยอมรับว่าแรงกดดันจากเทคโนโลยีใหม่และนโยบายสิ่งแวดล้อมอาจส่งผลต่อภาพรวมในระยะยาว

การปรับตัวทั้งจากฝั่งผู้บริโภคและผู้จำหน่ายจึงเป็นสิ่งจำเป็น การมองเห็นโอกาสใหม่ในตลาดเฉพาะกลุ่ม และการปรับภาพลักษณ์ของ ฟอร์จูนเนอร์มือสอง ให้ทันสมัยขึ้นอาจเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้รถรุ่นนี้ยังคงมีที่ยืนได้ แม้ในยุคที่พลังงานไฟฟ้ากำลังเปลี่ยนโลกยานยนต์ไปอย่างไม่มีวันย้อนกลับ

 

บทความอื่นที่น่าสนใจ

ซื้อรถมือสองอย่างไรให้ได้รถยนต์มือสองราคาถูก พร้อมเทคนิคเลือกซื้อแบบไม่พลาด

29/06/2025